ส่วนลด Mega We Care Maxx Omega 3 เมก้าวีแคร์ เเม็กซ์ โอเมก้า 3 (60 แคปซูล)

ยินดีต้อนรับสู่ checkcheck-th.com เว็บไซต์เปรียบเทียบสินค้าบนอินเตอร์เน็ต

Mega We Care Maxx Omega 3 เมก้าวีแคร์ เเม็กซ์ โอเมก้า 3 (60 แคปซูล)

จำหน่ายโดยร้านค้า : medicalsupport
บนแพลตฟอร์ม : Shopee

฿1,400
  • จัดจำหน่ายโดยร้านค้า Luxmart บน Shopee
  • จัดส่งจากเขตบางขุนเทียน, จังหวัดกรุงเทพมหานคร
  • จำนวนผู้ติดตามร้านค้า 38,614
  • คะแนนร้านค้า 4.8/5 คะแนน


รายละเอียดของสินค้า Mega We Care Maxx Omega 3 เมก้าวีแคร์ เเม็กซ์ โอเมก้า 3 (60 แคปซูล)

น้ำมันปลา...แหล่งธรรมชาติที่เข้มข้นด้วยโอเมก้า-3
สิ่งมหัศจรรย์....เพื่อหัวใจ สมอง และข้อ
กรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ถือว่าเป็นสารอาหารที่สำคัญยิ่งต่อร่างกาย โดยเฉพาะกรดไขมันชนิดโอเมก้า-3 ซึ่ง ส่วนใหญ่กรดไขมันชนิดนี้พบได้ในไขมันจากสัตว์ เช่น น้ำมันปลา ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งจากธรรมชาติที่พบมากและมีคุณภาพดี ปัจจุบันความสนใจทางการแพทย์เกี่ยวกับกรดไขมันโอเมก้า-3 จากน้ำมันปลาเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเริ่มจากข้อมูลที่ว่า ชาวเอสกิโมมีเปอร์เซ็นต์ของผู้ที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดอุดตันต่ำ เมื่อศึกษาถึงโภชนาการ จึงพบว่าอาหารที่ชาวเอสกิโมรับประทานในชีวิตประจำวัน คือ ปลาและแมวน้ำ ซึ่งเป็นแหล่งที่มีโอเมก้า-3 ปริมาณสูง ปัจจุบันจึงมีการยืนยันทางการแพทย์ถึงประโยชน์ที่สำคัญของกรดไขมันโอเมก้า-3 ต่อร่างกายในการลดความเสี่ยงหรือป้องกันการเกิดโรคต่างๆ เช่น
1. โรคหัวใจและสมองขาดเลือด
2. ช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด ลดความดันโลหิต
3. ช่วยบรรเทาอาการอักเสบของข้อเสื่อม ข้อรูมาตอยด์
4. ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันความเสื่อมของสมอง โรคซึมเศร้า และบำรุงสายตา
5. บรรเทาอาการของโรคผิวหนังบางชนิด เช่น สะเก็ดเงิน โรคเรื้อนกวาง6. ป้องกันหรือบรรเทาโรคหอบหืด
7. ปวดไมเกรน
8. เบาหวาน
น้ำมันปลาเป็นสารอาหารประเภทไขมัน ซึ่งประกอบด้วยกรดไขมันในกลุ่ม Omega-3 (Polyunsaturated Fatty Acid) ซึ่งมีกรดไขมันที่สำคัญอยู่ 2 ชนิด คือ
1. EPA (Eicosapentaenoic Acid) กรดไขมัน EPA มีส่วนช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด ป้องกันไขมันอุดตันหลอดเลือด ป้องกันการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุในการเกิดโรคหัวใจและสมองอุดตัน นอกจากนั้นยังมีส่วนช่วยบรรเทาอาการข้อเสื่อม ข้อรูมาตอยด์ได้เช่นกัน
2. DHA (Docosahexaenoic Acid) กรดไขมัน DHA มีบทบาทที่สำคัญและจำเป็นต่อการพัฒนาสมองและสายตา ช่วยเสริมสร้างและป้องกันความเสื่อมของสมอง การเรียนรู้ และความจำ รวมถึงระบบสายตา ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ น้ำมันปลา.....สำคัญต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
1. ป้องกันโรคหัวใจและสมองขาดเลือด กรดไขมันโอเมก้า-3 ในน้ำมันปลาจะช่วยยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือดและลดไขมันในเลือด จึงช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ โดยเฉพาะหัวใจและสมอง ซึ่งจากผลการวิจัยพบว่ากลุ่มผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย ที่รับประทานกรดไขมันโอเมก้า -3 วันละ 850 มิลลิกรัม / วัน (ปริมาณ EPA+DHA) ร่วมกับวิตามินอีธรรมชาติ 300 มิลลิกรัม / วัน สามารถลดอัตราการตายเนื่องจากโรคกล้าม เนื้อหัวใจขาดเลือด รวมถึงโรคหลอดเลือดสมอง ลงได้ถึง 15% เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ไม่ได้รับประทานน้ำมันปลา
ทางสมาคมโรคหัวใจของสหรัฐอเมริกา (American Heart Association; AHA) ได้แนะนำการรับประทาน กรดไขมันโอเมก้า-3 เพื่อการป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ตามตารางดังนี้
2. ป้องกันโรคหลอดเลือดอุดตัน กรดไขมันโอเมก้า-3 ในน้ำมันปลา เป็นสารตั้งต้นของสารกลุ่มไอโคซานอยด์ (Eicosanoids) ได้แก่ พรอสตาแกลนดิน-3 (Prostaglandins-3) และทรอมบอกแซน-3 (Thromboxan-3) ซึ่งสารกลุ่มนี้จะช่วยยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือด จึงมีส่วนช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด และช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดในร่างกายดีขึ้น ลดการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ
3. ช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด ไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดสูง ถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่สำคัญของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ที่ได้คร่าชีวิตประชากรโลกปีละหลายแสนคน หรือปีละหลายพันคนสำหรับประชากรไทย ซึ่งจากผลการศึกษาทางการแพทย์เกี่ยวกับภาวะไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดสูงและการช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดของน้ำมันปลา ซึ่งได้มีการรวบรวมผลการวิจัยตั้งแต่ปี 1990-2006 ดังนี้
ผลการวิจัยพบว่ากรดไขมันโอเมก้า – 3 ในน้ำมันปลาจะมีประสิทธิภาพที่ดีในการลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด สามารถช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดได้ประมาณ 20%-50% ซึ่งประสิทธิภาพเทียบเท่ากับยาที่ใช้ในการลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ และถึงแม้ว่าผู้ป่วยที่มีระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์สูงถึง 500 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร น้ำมันปลาก็ยังเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เพื่อช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญ คือ ความปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกายสามารถใช้ร่วมกับยา หรือสารสกัดจากธรรมชาติโพลีโคซานอลในการลดระดับไขมันโคเลสเตอรอล สำหรับผู้ที่มีไขมันในเลือดสูงทั้ง 2 ชนิด
4. ลดความดันโลหิต จากผลการวิจัยของ John Hopkins Medical School ได้สรุปรวบรวมผลการศึกษาจาก 17 รายงานการศึกษาทางคลีนิค พบว่าการรับประทานกรดไขมันโอเมก้า -3 วันละ 3,000 มิลลิกรัม (ปริมาณ EPA+DHA) สามารถช่วยลดความดันล่าง (Diastolic Pressure) ได้ 3.5 มิลลิเมตรปรอท และความดันบน (Systolic pressure) ได้ถึง 5.5 มิลลิเมตรปรอท เนื่องจากกรดไขมันโอเมก้า -3 ในน้ำมันปลา จะช่วยทำให้หลอดเลือดขยายตัว และป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น จึงมีผลให้ความดันโลหิตลดลง โดยน้ำมันปลาจะไม่มีผลต่อความดันในผู้ที่มีความดันโลหิตปกติ
น้ำมันปลา.....เพิ่มคุณภาพชีวิต ลดอาการข้อเสื่อม ข้อรูมาตอยด์
กรดไขมันโอเมก้า-3 ในน้ำมันปลา สามารถบรรเทาอาการข้อเสื่อม (Osteoarthritis) และข้อรูมาตอย์ (Rheumatoid arthritis) เนื่องจากมีผลลดการสร้างสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบของข้อ เช่น Interleukin-1, Tumor necrosis factor และกรดไขมัน EPA (Eicosapentaenoic Acid) ในน้ำมันปลา ยังเป็นสารตั้งต้นในการสร้างสาร PGE 3 ซึ่งช่วยลดอาการอักเสบของข้อ โดยรายงานการวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Surgical Neurology ระบุว่าน้ำมันปลาสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดคอ หรือปวดหลังเรื้อรัง โดยทำการศึกษากับผู้ป่วย 250 คน ได้รับประทานกรดไขมันโอเมก้า - 3 วันละ 2,600 มิลลิกรัม (ปริมาณ EPA+DHA) ในช่วง 2 สัปดาห์แรก หลังจากนั้นลดปริมาณลงเหลือวันละ 1,200 มิลลิกรัม (ปริมาณ EP



ข้อมูลสินค้า รายละเอียดสินค้าและรูปภาพสินค้าจากร้าน medicalsupport บนช้อปปี้ ก่อนการตัดสินใจซื้อสินค้า กรุณาตรวจสอบรายละเอียดสินค้าให้แน่ใจอีกครั้งในช่องทางการสั่งซื้อของผู้ขายเนื่องจากข้อมูลสินค้ารวมถึงรูปภาพสินค้าภายในเว็บไซต์นี้อาจล้าสมัยไม่อัพเดทในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งผู้ขายอาจมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขของสินค้าหรือข้อเสนอต่าง ๆ ไปได้ เงื่อนไขและข้อกำหนดในการคุ้มครองเมื่อสั่งซื้อสินค้าเป็นไปตามเงื่อนไขของแพลตฟอร์มนั้น ๆ เมื่อทำรายการสั่งซื้อ