ราคาล่าสุด Vitanature+ Lutein and Zeaxanthin สารสกัดจากดอกดาวเรือง บำรุงดวงตา 4กระปุก(1กระปุก/ 30แคปซูล)

รายละเอียดของสินค้า Vitanature+ Lutein and Zeaxanthin สารสกัดจากดอกดาวเรือง บำรุงดวงตา 4กระปุก(1กระปุก/ 30แคปซูล)

วิธีรับประทาน
1กระปุก บรรจุ 30 แคปซูล
รับประทานวันละ 1 เม็ด หลังมื้ออาหาร (มื้อใดก็ได้)
การเก็บรักษา
สินค้ามีอายุ 2 ปี (นับจากวันผลิตสินค้า)
รายละเอียดสินค้า
Vitanature+
Lutein and Zeaxanthin ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ลูทีนและซีแซนทิน จากสารสกัดดอกดาวเรือง ผสมสารสกัดบิลเบอร์รี(ตราไวตาเนเจอร์พลัส)
-สำหรับผู้ที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งต้องเจอแสงแดดเป็นเวลานานๆ ผู้ที่ต้องใช้สายตาจ้องจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือ เจอแสงสีฟ้าที่คอยรบกวนดวงตา จนมีอาการตาแห้ง และลดความเมื่อยล้าของตาจากการจ้องจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ ส่งเสริมการทำงานของระบบการไหลเวียนของเลือดในดวงตา
คุณสมบัติของสารสำคัญ
1. ลูทีนและซีแซนทิน จากสารสกัดดอกดาวเรือง (ให้ลูทีน 10 มก. และซีแซนทิน 2.5 มก.) Lutein and Zeaxanthin from Marigold extract (ให้ Lutein 10 mg and Zeaxanthin 2 mg) ลูทีน (Lutein) และซีแซนทิน (Zeaxanthin)
คือ พฤกษเคมีกลุ่มแคโรตินอยด์(Carotenoids)
ที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้ ร่างกายจะได้รับจากการรับประทานเข้าไปเท่านั้น ลูทีนและซีแซนทินเป็นสารประเภทแคโรตินอยด์ 2 ชนิดเท่านั้นที่พบในเนื้อเยื้อที่สำคัญก็คือ เลนส์แก้วตา (Lens) และจอประสาทตา (Mascula) (1) ซึ่งหากร่างกายการขาดลูทีนหรือซีแซนทิน อาจทำให้ดวงตาและการมองเห็นของเรามี ปัญหาได้ กลไกที่สำคัญของลูทีนและซีแซนทิน ในการปกป้องดวงตาก็คือ การทำหน้าที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ (Anti-Oxidation) ที่เซลล์ดวงตาสร้างขึ้นมาจากการได้รับรังสียูวี (UV radiation) และแสงที่มองเห็นได้ (Visible light)อย่างมากและเป็นเวลานาน โดยช่วยปกป้องเซลล์รับแสง(Photoreceptor
cell) ของดวงตา นอกจากนี้ ลูทีนและซีแซนทิน มีหน้าที่ในการกรองแสงที่มองเห็นได้ (Visible light) โดยเฉพาะแสงสีฟ้าซึ่งเป็นแสงที่มีพลังงานสูงและเหนี่ยวนำให้เกิดอนุมูลอิสระในเซลล์จอประสาทตาได้ โดยสารทั้ง 2 นี้จะทำหน้าที่กรองแสงเหล่านี้ก่อนที่แสงจะตกไปที่จอประสาทตา (Mascula) ส่งผลให้สามารถลดสภาวะความเครียดและการเกิดออกซิเดชัน (Oxidation) ต่อจอประสาทตาได้(1) จากการศึกษาทางคลินิกของ University
of Georgia ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยอาสาสมัครกลุ่มหนึ่ง กิน ลูทีน 10 มก.และ ซีแซนทิน 2 มก. ต่อวัน เทียบกับกลุ่มยาหลอก เป็นเวลา 1 ปี จากผลการศึกษาพบว่า ในอาสาสมัครที่รับประทาน ลูทีนและซีแซนทิน มีระดับลูทีนและซีแซนทินในเลือดสูงขึ้น ความหนาแน่นของสารสีในจอประสาทตา (Mascular Pigment Optical Density: MPOD) สูงขึ้น ความสามารถในการแยกความต่างของสี (Chromatic contrast) ดีขึ้น เวลาที่ใช้ในการทดสอบ Photostress recovery time (PSRT) ดีขึ้น (2)ซึ่งจากผลการศึกษานี้อาจสรุปได้ว่าการกิน ลูทีน 10 mg และ ซีแซนทิน 2 mg อาจช่วยให้การมองเห็นดีขึ้น และป้องกันการเสื่อมของดวงตาได้
2. สารสกัดบิลเบอร์รี (Bilberry extract) สารสกัดจากบิลเบอร์รีที่อุดมไปด้วยพฤกษเคมีกลุ่มแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) สารที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระจากการศึกวิจัยทางคลินิก ในอาสาสมัครกลุ่มหนึ่งได้รับสารสกัดจากบิลเบอร์รี160 มก.ต่อวัน เทียบกับกลุ่มยาหลอก เป็นเวลา 4 สัปดาห์พบว่า กลุ่มที่ได้รับ สารสกัดจากบิลเบอร์รี พบการเพิ่มการหลังของน้ำตา ซึ่งสามารถช่วยลดอาการตาแห้งและอาการระคายเคืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. วิตามินเอ เป็นวิตามินที่ไม่ละลายน้ำ มีบทบาทสำคัญต่อร่างกาย คือช่วยคงสภาพปกติของการมองเห็น ผิวหนังและเยื้อบุต่างๆ ช่วยในการทำงานของเมตาบอลิซึมของธาตุเหล็กให้เป็นปกติ และมีส่วนช่วยในการทำหน้าที่ตามปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ร่างกายต้องการวิตามินเอ อย่างน้อยวันละ 800 ไมโครกรัม อาร์อี(μg RE) หรือภาวะการขาดวิตามินเอจะทำให้เกิดอาการตาบอดกลางคืน ตาแห้ง ผิวหนังแห้งแตก ผิวหนังเป็นตุ่มเล็กๆ รอบรูขุมขน และผมหลุดลอก ความต้านทานเชื้อโรคลดลง ส่งผลการเจริญเติบโตช้าในเด็ก โดยโปร-วิตามินเอ พบมากในผักผลไม้ที่มีสีเหลือง หรือสีส้ม เช่น
มะละกอสุก มะม่วงสุก กล้วยสุก ฟักทอง และแครอท
สารสำคัญในผลิตภัณฑ์
•สารสกัดจากดอกดาวเรือง 50 มก.
(ให้ลูทีน 10 มก.
และซีแซนทิน 0.5 มก.)
•สารสกัดจากดอกดาวเรือง 20 มก.
(ให้ซีแซนทิน 2 มก.)
∙•สารสกัดบิลเบอร์รี 20 มก.
∙ วิตามินเอ แพลมิเทต 2.5 มก.
คำแนะนำเพิ่มเติม
•หากมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
•เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน
•เป็นเพียงผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไม่มีส่วนในการป้องกันหรือรักษาโรค
•ควรเก็บในอุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงการเก็บในที่ชื้น หรือ ที่มีแสงแดด

วิธีรับประทาน

1กระปุก บรรจุ 30 แคปซูล

รับประทานวันละ 1 เม็ด หลังมื้ออาหาร (มื้อใดก็ได้)

การเก็บรักษา

สินค้ามีอายุ 2 ปี (นับจากวันผลิตสินค้า)

รายละเอียดสินค้า

Vitanature+

Lutein and Zeaxanthin ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ลูทีนและซีแซนทิน จากสารสกัดดอกดาวเรือง ผสมสารสกัดบิลเบอร์รี(ตราไวตาเนเจอร์พลัส)

-สำหรับผู้ที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งต้องเจอแสงแดดเป็นเวลานานๆ ผู้ที่ต้องใช้สายตาจ้องจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือ เจอแสงสีฟ้าที่คอยรบกวนดวงตา จนมีอาการตาแห้ง และลดความเมื่อยล้าของตาจากการจ้องจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ ส่งเสริมการทำงานของระบบการไหลเวียนของเลือดในดวงตา

คุณสมบัติของสารสำคัญ

1. ลูทีนและซีแซนทิน จากสารสกัดดอกดาวเรือง (ให้ลูทีน 10 มก. และซีแซนทิน 2.5 มก.) Lutein and Zeaxanthin from Marigold extract (ให้ Lutein 10 mg and Zeaxanthin 2 mg) ลูทีน (Lutein) และซีแซนทิน (Zeaxanthin)

คือ พฤกษเคมีกลุ่มแคโรตินอยด์(Carotenoids)

ที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้ ร่างกายจะได้รับจากการรับประทานเข้าไปเท่านั้น ลูทีนและซีแซนทินเป็นสารประเภทแคโรตินอยด์ 2 ชนิดเท่านั้นที่พบในเนื้อเยื้อที่สำคัญก็คือ เลนส์แก้วตา (Lens) และจอประสาทตา (Mascula) (1) ซึ่งหากร่างกายการขาดลูทีนหรือซีแซนทิน อาจทำให้ดวงตาและการมองเห็นของเรามี ปัญหาได้ กลไกที่สำคัญของลูทีนและซีแซนทิน ในการปกป้องดวงตาก็คือ การทำหน้าที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ (Anti-Oxidation) ที่เซลล์ดวงตาสร้างขึ้นมาจากการได้รับรังสียูวี (UV radiation) และแสงที่มองเห็นได้ (Visible light)อย่างมากและเป็นเวลานาน โดยช่วยปกป้องเซลล์รับแสง(Photoreceptor

cell) ของดวงตา นอกจากนี้ ลูทีนและซีแซนทิน มีหน้าที่ในการกรองแสงที่มองเห็นได้ (Visible light) โดยเฉพาะแสงสีฟ้าซึ่งเป็นแสงที่มีพลังงานสูงและเหนี่ยวนำให้เกิดอนุมูลอิสระในเซลล์จอประสาทตาได้ โดยสารทั้ง 2 นี้จะทำหน้าที่กรองแสงเหล่านี้ก่อนที่แสงจะตกไปที่จอประสาทตา (Mascula) ส่งผลให้สามารถลดสภาวะความเครียดและการเกิดออกซิเดชัน (Oxidation) ต่อจอประสาทตาได้(1) จากการศึกษาทางคลินิกของ University

of Georgia ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยอาสาสมัครกลุ่มหนึ่ง กิน ลูทีน 10 มก.และ ซีแซนทิน 2 มก. ต่อวัน เทียบกับกลุ่มยาหลอก เป็นเวลา 1 ปี จากผลการศึกษาพบว่า ในอาสาสมัครที่รับประทาน ลูทีนและซีแซนทิน มีระดับลูทีนและซีแซนทินในเลือดสูงขึ้น ความหนาแน่นของสารสีในจอประสาทตา (Mascular Pigment Optical Density: MPOD) สูงขึ้น ความสามารถในการแยกความต่างของสี (Chromatic contrast) ดีขึ้น เวลาที่ใช้ในการทดสอบ Photostress recovery time (PSRT) ดีขึ้น (2)ซึ่งจากผลการศึกษานี้อาจสรุปได้ว่าการกิน ลูทีน 10 mg และ ซีแซนทิน 2 mg อาจช่วยให้การมองเห็นดีขึ้น และป้องกันการเสื่อมของดวงตาได้

2. สารสกัดบิลเบอร์รี (Bilberry extract) สารสกัดจากบิลเบอร์รีที่อุดมไปด้วยพฤกษเคมีกลุ่มแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) สารที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระจากการศึกวิจัยทางคลินิก ในอาสาสมัครกลุ่มหนึ่งได้รับสารสกัดจากบิลเบอร์รี160 มก.ต่อวัน เทียบกับกลุ่มยาหลอก เป็นเวลา 4 สัปดาห์พบว่า กลุ่มที่ได้รับ สารสกัดจากบิลเบอร์รี พบการเพิ่มการหลังของน้ำตา ซึ่งสามารถช่วยลดอาการตาแห้งและอาการระคายเคืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. วิตามินเอ เป็นวิตามินที่ไม่ละลายน้ำ มีบทบาทสำคัญต่อร่างกาย คือช่วยคงสภาพปกติของการมองเห็น ผิวหนังและเยื้อบุต่างๆ ช่วยในการทำงานของเมตาบอลิซึมของธาตุเหล็กให้เป็นปกติ และมีส่วนช่วยในการทำหน้าที่ตามปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ร่างกายต้องการวิตามินเอ อย่างน้อยวันละ 800 ไมโครกรัม อาร์อี(μg RE) หรือภาวะการขาดวิตามินเอจะทำให้เกิดอาการตาบอดกลางคืน ตาแห้ง ผิวหนังแห้งแตก ผิวหนังเป็นตุ่มเล็กๆ รอบรูขุมขน และผมหลุดลอก ความต้านทานเชื้อโรคลดลง ส่งผลการเจริญเติบโตช้าในเด็ก โดยโปร-วิตามินเอ พบมากในผักผลไม้ที่มีสีเหลือง หรือสีส้ม เช่น

มะละกอสุก มะม่วงสุก กล้วยสุก ฟักทอง และแครอท

สารสำคัญในผลิตภัณฑ์

•สารสกัดจากดอกดาวเรือง 50 มก.

(ให้ลูทีน 10 มก.

และซีแซนทิน 0.5 มก.)

•สารสกัดจากดอกดาวเรือง 20 มก.

(ให้ซีแซนทิน 2 มก.)

∙•สารสกัดบิลเบอร์รี 20 มก.

∙ วิตามินเอ แพลมิเทต 2.5 มก.

คำแนะนำเพิ่มเติม

•หากมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน

•เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน

•เป็นเพียงผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไม่มีส่วนในการป้องกันหรือรักษาโรค

•ควรเก็บในอุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงการเก็บในที่ชื้น หรือ ที่มีแสงแดด